คุณผู้อ่านเคยรู้สึกหงุดหงิดหัวใจ ไม่รู้จะปฏิเสธเวลาคนชอบมาขอยืมเงินอย่างไรดี ถ้าไม่ให้ยืมก็จะรู้สึกผิดที่ไม่ให้ความช่วยเหลือญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่กำลังเดือดร้อน ครั้นให้ยืมไป เก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์จะไม่ได้คืน แล้วคนให้ยืมก็ต้องกลับมานั่งเจ็บใจ โกรธคนยืม รวมทั้งโกรธตัวเองที่ไม่น่าใจอ่อน หรือโง่ให้เขายืมไปเลย คนที่มายืมเงินคนอื่น แม้จะดูเหมือนเป็นผู้ตกทุกข์ได้ยาก กำลังเดือดร้อน น่าสงสาร แต่หากเราตั้งสติมองให้ดี
เขาเป็นเพียงคนที่ดำเนินชีวิตของเขา ซึ่งนำพาเขาไปสู่ปัญหาทางการเงินของเขาเอง และเมื่อเกิดปัญหาแทนที่จะตั้งสติแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ กลับแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการยืมเงินคนอื่น ซึ่งก็เท่ากับการผลักภาระและความทุกข์ไปให้คนอื่น ดังนั้นหากมีคนมายืมเงินคุณ แน่นอนคุณจะได้รับฟังเรื่องราวทุกข์ร้อนน้ำตาร่วงของคนเหล่านั้น จนคุณรู้สึกว่าถ้าคุณไม่ให้เขายืมเงินคุณจะกลายเป็นคนใจร้ายในสายตาของเขาและของคนอื่นที่ทราบเรื่อง ลองมองให้ดี คุณไม่ได้ใจร้าย แต่คุณกำลังตกเป็นเหยื่อของคนเห็นแก่ตัวที่ผลักภาระมาให้คุณแทน โดยฉกฉวยโอกาสบนพื้นฐานของความเป็นคนใจดีและใจอ่อนของคุณนั่นเอง
ดังนั้น หากมีคนมายืมเงินคุณ ให้ยึดหลักง่ายๆ ว่า การให้คนอื่นยืมเงินเป็นการช่วยคนอื่นในทางที่ผิด เพราะเขาจะเกิดการเรียนรู้ว่าหากมีปัญหาทางการเงินก็แค่หยิบยืมจากผู้อื่น และพัฒนาเป็นนิสัยที่ไม่ดีติดตัว ถ้าคุณให้เขายืมเงินก็เท่ากับว่าคุณกำลังทำร้ายเขาด้วยการสร้างนิสัยไม่ดีให้เขา เหมือนกับการหยิบยื่นยาเสพติดให้เขานั่นเอง ดังนั้นไม่ต้องคิดมาก เมื่อมีใครมายืมเงินให้บอกปฏิเสธทันที อย่าพูดจาเยิ่นเย้อ อธิบายเหตุผลจนเปิดช่องให้คนยืมเงินทำร้ายคุณได้ เตือนตัวเองไว้เสมอว่าคุณไม่ได้ทำอะไรผิด เขาต่างหากที่กำลังคุกคามล่วงละเมิดเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของคุณ เมื่อวันก่อน มีคนมาขอยืมเงินเพื่อนผู้แสนดีของครูเคท และเมื่อเขาไม่ให้ยืม คนยืมก็พยายามพูดนู่นนี่ยกแม่น้ำทั้งห้า จนเพื่อนครูเคทรู้สึกไม่ดีถ้าไม่ให้เขายืมเงิน ครูเคทเลยร่างข้อความ ซึ่งเพื่อนเรียกว่า “ยันต์กันผีขี้ยืม” ให้เขานำไปใช้ ปรากฏว่าได้ผลดี คุณผู้อ่านจะลองนำไปใช้ หรือจะต่อเติมอะไรให้เหมาะสมกับคนชอบยืมเงินได้ตามใจค่ะ “คุณ… (ที่จะยืมเงินคุณ) ผมเห็นใจและเข้าใจความเดือนร้อนเรื่องเงินของคุณดี ผมรู้ว่าคุณมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องใช้เงินตามที่ขอมา ผมอยากช่วยเหลือคุณจริงๆ แต่การให้คุณยืมเงิน จะเป็นการทำร้ายคุณมากกว่าเป็นการช่วยเหลือคุณอย่างที่คุณเข้าใจ ผมขอตั้งข้อสังเกตถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาของคุณ โดยการหยิบยืมเงินจากคนอื่น นั่นคือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แบบผลักปัญหาออกไปจากตัวชั่วคราว เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของปัญหายังคงมีอยู่ และจะอยู่กับคุณตลอดไป หากคุณไม่ยอมแก้ไขที่ต้นเหตุ คุณอาจจะลืมมองไปว่าการแก้ปัญหา โดยการขอยืมเงินจากคนอื่น เป็นการผลักปัญหาของคุณเองไปให้คนอื่น เป็นการนำความเดือดร้อนไปให้คนที่เขามีความรู้สึกดีๆ หรือหวังดีกับคุณ ในที่สุดคุณจะค่อยๆ สูญเสียญาติพี่น้องเพื่อนฝูงที่เขาหวังดีต่อคุณไปทีละน้อย จนวันหนึ่งคุณจะไม่เหลือใครเลยสักคน ในขณะเดียวกันความรู้สึกถึงศักดิ์ศรี และคุณค่าในตัวเองของคุณก็ถูกทำลายด้วยตัวของคุณเอง ผมขออนุญาตเสนอแนะทางออกให้คุณ ลองพิจารณาดูนะครับ หยุดก่อหนี้เพิ่มทันทีในวันนี้และเดี๋ยวนี้ หยุดยืมเงินคนอื่น หากไม่หยุดคุณจะต้องติดอยู่กับความทุกข์ และปัญหาเรื่องเงินอย่างนี้เรื่อยไป และเป็นการบ่มเพาะนิสัยการหยิบยืมเงินคนจนติดเป็นนิสัย